30.6 C
Bangkok
วันเสาร์, กรกฎาคม 27, 2024

ภาวะไขมันพอกตับ

ภาวะไขมันพอกตับ (Fatty liver disease) เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน โดยพบได้ประมาณ 30-40% ของประชากรผู้ใหญ่ทั่วโลก ภาวะนี้เกิดจากการสะสมของไขมันในตับมากเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การขาดสารอาหารบางชนิด เป็นต้น

ภาวะไขมันพอกตับแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่

  • ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-alcoholic fatty liver disease, NAFLD) เป็นภาวะไขมันพอกตับที่พบได้บ่อยที่สุด โดยมักพบในผู้ที่น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน ภาวะนี้อาจทำให้เกิดตับอักเสบ ภาวะตับแข็ง และมะเร็งตับได้
  • ภาวะไขมันพอกตับจากแอลกอฮอล์ (Alcoholic fatty liver disease, AFLD) เป็นภาวะไขมันพอกตับที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ภาวะนี้อาจทำให้เกิดตับอักเสบ ภาวะตับแข็ง และมะเร็งตับได้เช่นกัน

อาการของภาวะไขมันพอกตับ

ภาวะไขมันพอกตับในระยะแรกมักไม่มีอาการแสดงออก ผู้ป่วยอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดท้องบริเวณชายโครงขวา เป็นต้น หากภาวะไขมันพอกตับลุกลามมากขึ้น อาจทำให้เกิดอาการรุนแรงขึ้น เช่น น้ำหนักลด ดีซ่าน ท้องบวม เลือดออกในทางเดินอาหาร เป็นต้น

การวินิจฉัยภาวะไขมันพอกตับ

แพทย์อาจวินิจฉัยภาวะไขมันพอกตับได้จากการตรวจร่างกาย การตรวจเลือด และการตรวจภาพรังสี เช่น

  • การตรวจร่างกาย อาจพบตับโต หรือเจ็บบริเวณชายโครงขวา
  • การตรวจเลือด อาจพบค่าการทำงานของตับผิดปกติ เช่น ค่าเอนไซม์ตับสูงขึ้น
  • การตรวจภาพรังสี เช่น การตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้อง การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือการตรวจแมมโมแกรม มักพบตับโต มีลักษณะเป็นก้อนไขมันเกาะอยู่ หรือพบความผิดปกติของตับ

การรักษาภาวะไขมันพอกตับ

การรักษาภาวะไขมันพอกตับขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะนี้ โดยการรักษาหลัก ๆ ได้แก่

  • การปรับพฤติกรรม เช่น ลดน้ำหนัก ลดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • การใช้ยา อาจใช้ยาลดไขมันในเลือด ยาลดการอักเสบ เป็นต้น

การป้องกันภาวะไขมันพอกตับ

การป้องกันภาวะไขมันพอกตับสามารถทำได้โดย

  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ภาวะแทรกซ้อนของภาวะไขมันพอกตับ

ภาวะไขมันพอกตับอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น

  • ตับอักเสบ ภาวะที่ตับเกิดการอักเสบ อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดท้องบริเวณชายโครงขวา เป็นต้น หากตับอักเสบรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะตับแข็งได้
  • ภาวะตับแข็ง ภาวะที่เนื้อเยื่อตับถูกทำลายจนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อาจทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ท้องบวม เลือดออกในทางเดินอาหาร เป็นต้น
  • มะเร็งตับ ภาวะที่เซลล์ตับเกิดการกลายพันธุ์กลายเป็นเซลล์มะเร็ง อาจทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ปวดท้องบริเวณชายโครงขวา เป็นต้น

ดังนั้น จึงควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของตนเอง หากพบว่ามีความเสี่ยงต่อภาวะไขมันพอกตับ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม

บทความ ข่าวสาร มาใหม่

ททท. ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวลาวบนรถไฟทดลองเต็มรูปแบบจากเวียงจันทน์สู่กรุงเทพฯ

กรุงเทพฯ 14 กรกฎาคม 2567 – การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ การรถไฟแห่งประเทศไทย...

พรีวิว: โคปา อเมริกา 2024 จัดที่สหรัฐอเมริกา

โคปา อเมริกา 2024 เป็นการแข่งขันฟุตบอลระดับทวีปอเมริกาใต้ครั้งที่ 48 แต่จะจัดขึ้นที่สหรัฐ...

ตลาดนัดแม่สาย: การค้าชายแดนไทย-พม่า

ตลาดนัดแม่สายตั้งอยู่ในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างประเทศไ...

วิธีการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ความสำคัญของการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ การเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมีความสำคัญอย่า...

ประโยชน์ของการออกกำลังกายเป็นประจำ

การออกกำลังกายเป็นประจำมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มสมรรถภาพทางกายอย่างมีประสิทธิภาพ การออกกำลังก...